“ลีรอย บอกว่าเขาไม่อยากต่อสัญญากับทีม มันหมายความว่าเขาอยากย้ายทีม ถ้ามันไม่เกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์นี้ก็จะเป็นหลังจากที่เขาหมเดสัญญากับทีม สโมสรยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้เขาไปแล้ว 2 หรือ 3 ครั้ง แต่เขาก็ปฏิเสธทั้งหมด ดังนั้นมันก็เลยหมายความว่าเขาจะไปเล่นใหเสโมสรอื่น”
นั่นคือคำพูดของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยืนยันว่า ลีรอย ซาเน่ ปีกชาวเยอรมันจะต้องบอกลา “เรือใบสีฟ้า” แน่นอน ไม่ว่าจะหลังจบฤดูกาลนี้ก็ต้องเป็นตอนที่จบซีซั่นหน้า ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดสถานีต่อไปของเขาก็จะเป็น บาเยิร์น มิวนิค หลังจากที่ “เสือใต้” ตกเป็นข่าวตามจีบ ซาเน่ มาโดยตลอด

สำหรับ กวาร์ดิโอล่า แล้วนั้น นี่อาจจะเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง เพราะเขาเป็นคนเอา ซาเน่ เข้ามาอยู่กับทีมเอง และเคยคิดว่าอดีตแข้ง ชาลเก้ 04 จะกลายเป็นตัวหลักให้ทีมของเขาได้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กวาร์ดิโอล่า ก็เคยโละแข้งที่เหมือนจะเป็นกำลังหลักของทีมแบบไม่คิดมากมาแล้วหลายราย ถ้าหากเขามองว่าคนๆ นั้นไม่เหมาะกับทีม หรือไม่มีใจให้ทีม ซึ่งวันนี้เราก็จะมายกตัวอย่างนักเตะจาก บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค รวมถึง แมนฯ ซิตี้ อย่างละ 1 คนที่ถือว่าเป็นคนสำคัญของทีมแต่โดน กวาร์ดิโอล่า ปล่อยแบบไม่ลังเลกัน
– แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท
จริงอยู่ว่าการออกจาก แมนฯ ซิตี้ ของ ยาย่า ตูเร่ หลังจบฤดูกาล 2017-18 มันทำให้แฟนบอลบางคนใจหาย เมื่อพิจารณาถึงความสำเร็จที่ ตูเร่ คนน้อง ทำได้ แต่มันก็ยังเป็นการแยกทางกันในสภาพที่ ตูเร่ หมดสัญญากับทีม ทำให้มันไม่ได้เลวร้ายเท่ากับกรณีของ ฮาร์ท

ฮาร์ท ครองตำแหน่งมือ 1 ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเป็นเวลานาน จนทำให้เขาเป็นขวัญใจคนหนึ่งของเหล่าสาวก “เรือใบสีฟ้า” แถมบอร์ดบริหารของทีมยังมองว่าเขาจะเป็นภาพลักษณ์ที่ช่วยสื่อได้ดีด้วยว่าทีมไม่ได้ทอดทิ้งนักเตะชาวอังกฤษเลย ท่ามกลางบรรดานักเตะจากต่างชาติค่าตัวแพงระยับที่พวกเขาคว้ามาร่วมทีมแบบเป็นกอบเป็นกำ
อย่างไรก็ตาม ในซีซั่น 2016-17 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกที่ กวาร์ดิโอล่า เข้ามาคุม แมนฯ ซิตี้ นั้น เขาก็ตัดสินใจดร็อป ฮาร์ท พ้นจากการเป็นมือ 1 แบบไร้เยื่อใย เพราะมองว่า ฮาร์ท ไม่คู่ควรกับการได้เป็นมือ 1 ให้กับทีมของเขา ทั้งที่ตอนนั้นขุมกำลังในตำแหน่งนายทวารของทีมที่มีประสบการณ์ระดับการเล่นในทีมชุดใหญ่นอกจาก ฮาร์ท ก็มีเพียง เคลาดิโอ บราโว่ กับ วิลลี่ กาบาเยโร่ เท่านั้น ซึ่งทั้งคู่ไม่ได้มีชื่อชั้นดีไปกว่า ฮาร์ท เลย

ท้ายที่สุดในฤดูกาลนั้น ฮาร์ท ก็โดนปล่อยไปเล่นแบบยืมตัวกับ โตริโน่ ก่อนที่จะไปเล่นกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ด้วยสัญญาเช่าในซีซั่น 2017-18 และพอถึงซีซั่น 2018-19 เขาก็โดนขายขาดให้กับ เบิร์นลี่ย์ แต่กราฟชีวิตของ ฮาร์ท ก็ไม่เคยรุ่งเหมือนตอนอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ อีกเลย กลับกัน ทีมของ กวาร์ดิโอล่า ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสุดๆ จนได้แชมป์เป็นกอบเป็นกำ
– บาเยิร์น : โทนี่ โครส
ปี 2014 เป็นปีที่ โครส กำลังโด่งดังอย่างมาก ตอนนั้นเขาเป็นมิดฟิลด์ที่ บาเยิร์น มองว่าจะเป็นกำลังหลักของทีมได้ในอีกหลายปีต่อจากนั้น แถมเจ้าตัวยังช่วยให้ทีมชาติเยอรมนีความแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 มาครองได้ด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กุนซือทุกคนอยากมีนักเตะแบบเขาอยู่ในทีม ไม่เว้นแม้กระทั่ง กวาร์ดิโอล่า ที่เข้ามาคุม บาเยิร์น ตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14

อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนที่ฤดูกาล 2014-15 จะเริ่มขึ้นนั้น กลับกลายเป็นว่า โครส ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ซึ่งตอนนั้นมันทำให้แฟนบอล บาเยิร์น บางคนเสียดายพอตัว อย่างไรก็ตาม กวาร์ดิโอล่า แม้ว่าจะอยากร่วมงานกับ โครส ต่อ แต่อีกด้านหนึ่งเขาก็ไม่กังวลมากนักกับการเสียนักเตะรายนี้ไป เพราะตอนนั้น โครส กำลังเข้าสู่ช่วงปีสุดท้ายของสัญญากับ บาเยิร์น อยู่แล้ว และมันก็มีแนวโน้มสูงที่ โครส จะไม่ต่อสัญญาด้วย หลังจากบอร์ดบริหารของ บาเยิร์น ไม่พร้อมที่จะให้ค่าเหนื่อยตามที่ โครส ต้องการ

กวาร์ดิโอล่า ยังแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน เพราะเขาเอา ชาบี อลอนโซ่ เข้ามาแทน ถึงกระนั้น การเสีย โครส ไปมันก็ส่งผลนิดหน่อย เพราะถึงแม้ บาเยิร์น ในยุคของ กวาร์ดิโอล่า จะยังได้แชมป์ลีกไปครอง แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะพวกเขาไปถึงเพียงรอบรองชนะเลิศทั้งในฤดูกาล 2014-15 และ 2015-16 ก่อนที่ กวาร์ดิโอล่า จะบอกลา บาเยิร์น ในปี 2016 นั่นเอง
– บาร์เซโลน่า : โรนัลดินโญ่
หลังจากทำผลงานในทีม บาร์เซโลน่า เบ ได้น่าประทับใจ กวาร์ดิโอล่า ก็ถูกดันขึ้นมารับงานกับทีมชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า ในปี 2008 ซึ่งตอนนั้นหลายคนมองว่างานของเขาไม่น่าจะยากเกินไปนัก หลังจาก “อาซูลกราน่า” มีนักเตะชั้นยอดอย่าง โรนัลดินโญ่, เดโก้ และ ซามูเอล เอโต้ ให้ใช้งานอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม กวาร์ดิโอล่า ก็ทำให้หลายคนต้องแปลกใจ เมื่อบอกเองว่าทั้ง 3 คนที่ว่าจะไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเขาสำหรับการสู้ศึกฤดูกาล 2008-09 ซึ่งในช่วงซัมเมอร์ของปี 2008 บาร์เซโลน่า ก็โละทั้ง โรนัลดินโญ่ และ เดโก้ จริงๆ โดยคนแรกไปอยู่กับ เอซี มิลาน ส่วนอีกรายไปซบ เชลซี ขณะที่รายของ เอโต้ ได้ยื้อเวลาไปเพียงแค่ 1 ปี เพราะเขาโดนปล่อยไปอยู่กับ อินเตอร์ ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2009 ในดีลที่แลกตัวกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
โรนัลดินโญ่, เดโก้ และ เอโต้ ต่างก็ถูกมองว่าเป็น 3 ตัวรุกแนวหลักของ บาร์เซโลน่า ในช่วงก่อนที่ กวาร์ดิโอล่า จะเข้ามาคุมทีม แต่คนที่ถือว่าโดนโละแบบน่าตกใจที่สุดคงจะหนีไม่พ้น โรนัลดินโญ่ เพราะดาวเตะชาวบราซิเลียนมีฝีเท้าที่ถ้าจะบอกว่าเข้าขั้นเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกในยุคนั้นก็คงไม่ผิด อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวก็มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เรื่องที่มีวินัยย่ำแย่เหมือนกัน และ กวาร์ดิโอล่า ก็กลัวว่ามันจะส่งผลด้านลบกับทีม

อเล็กซานเดอร์ ฮเล็บ ยังเคยบอกด้วยซ้ำว่า โรนัลดินโญ่ ควงแขนมาซ้อมกับ เดโก้ ในสภาพที่เมาแอ๋ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่โดน กวาร์ดิโอล่า เฉดหัวทิ้งแบบไม่รู้สึกเสียดายมากเท่าไหร่นัก ซึ่งนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของ กวาร์ดิโอล่า เพราะแค่ซีซั่นแรกที่เขาเข้ามากุมบังเหียน บาร์เซโลน่า เจ้าตัวก็พาทีมได้ทั้งแชมป์ ลา ลีกา, โกปา เดล เรย์ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนกลายเป็นการเริ่มต้นยุคที่ บาร์เซโลน่า ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
ในทางกลับกัน โรนัลดินโญ่ แม้ว่าจะไปได้แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา กับ เอซี มิลาน แต่เขาก็ยังแก้ปัญหาเรื่องวินัยไม่หาย และพอออกจาก มิลาน แล้วนั้น เขาก็ไม่ได้ค้าแข้งในทวีปยุโรปอีกเลย
อ่านข่าวอื่นๆ >>> https://www.ufabetwins.com/
เทคนิคดีๆที่เพิ่มกำไร คลิกเลย >>> https://www.physiciansbillinggroup.com