UFABETWIN ก่อนที่โควิด-19 จะเข้ามาแช่แข็งทุกอย่าง ลิเวอร์พูลกำลังเข้าสู่ช่วงฟอร์มหล่นต่อเนื่อง
โดน แอตเลติโก มาดริด อัดเหย้า-เยือนในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แพ้ครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้จากฝีเท้าของวัตฟอร์ด ถูกเชลซีดีดตกรอบเอฟเอ คัพ
สถิติต่างๆ ที่เดอะค็อปหลายคนเริ่มวาดกันไว้นอกเหนือไปจากแชมป์ลีกสูงสุดที่รอคอยมา 30 ปีกระเจิดกระเจิงไปหมด
ฤดูกาลไร้พ่าย สถิติไม่แพ้ติดต่อกันนานที่สุด ทริปเปิ้ลแชมป์ หายไปหมดเลย
สถิติเหล่านี้มีเจ้าของเดิมของมันอยู่ อาร์เซน่อลถือสถิติไร้พ่ายทั้ง 2 อัน ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเป็นทีมเดียวในอังกฤษจนถึงเวลานี้ที่ทำทริปเปิ้ลแชมป์ใหญ่ พรีเมียร์ลีก-แชมเปี้ยนส์ ลีก-เอฟเอ คัพ ได้
การที่เราทำสถิติเหล่านี้ไม่สำเร็จนั้นบอกเรื่องสำคัญ 2 เรื่องกับเรา
1. ไม่ใช่มีเพียงเราที่ยอดเยี่ยม
2. แต่เราก็ยังเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมอยู่ดี
ความสำเร็จหลายอย่างต้องอาศัยจังหวะเวลาที่เหมาะสมและความสามารถที่ถึงขีดของเราเอง สถิติไร้พ่ายของอาร์เซน่อลตลอด 38 นัดในฤดูกาล 2003/04 นั้นเป็นผลงานที่ยากมากจริงๆ ที่จะทำได้
ก็ขนาดลิเวอร์พูลที่เก็บสถิติสุดยอดเตะ 27 นัดแรก ชนะ 26 เสมอ 1 ไม่แพ้ใครเลยก็ยังแพ้แล้ว
ฤดูกาลหนึ่งๆ เตะกันยาว 9 เดือนเศษ คุณอาจมีช่วงเวลาที่เก่งกาจ 8 เดือนเต็ม แต่แค่เดือนเศษๆ ที่เหลือคุณอาจฟอร์มหลุดสักนัดสองนัดและพ่ายแพ้ได้

หรือเมื่อคุณไม่แพ้ใครนานๆ เข้า คู่แข่งที่จะพบกับคุณก็ย่อมเตรียมความพร้อมดีขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ศึกษาวิธีการที่จะรับมือกับคุณเพื่อจะได้เป็นทีมแรกที่ยัดเยียดความปราชัยให้กับคุณ
เหล่านี้ยังไม่รวมปัจจัยประกอบอื่นๆ อาทิ นักเตะตัวหลักฟอร์มตกหรือบาดเจ็บ โปรแกรมเตะรายการเล็กใหญ่ที่อาจสำคัญไม่ยิ่งหย่อน การตัดสินใจเลือกหมุนเวียนผู้เล่น สถานการณ์ ณ เวลานั้นๆ ฯลฯ
สถิติไร้พ่ายจึงไม่ใช่ใครทำก็ได้ แต่ทีมๆ นั้นต้องพิเศษจริงๆ และจังหวะต้องเหมาะสมจริงๆ
เช่นเดียวกับการทำทริปเปิ้ลแชมป์ กวาดเรียบทั้งพรีเมียร์ลีก-ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก-เอฟเอ คัพในฤดูกาลเดียว
ไม่แน่จริงและจังหวะทุกอย่างเหมาะเจาะจริงๆ คุณไม่มีวันทำได้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1998/99 จึงสร้างสิ่งที่เป็นความมหัศจรรย์ขึ้นมาประดับวงการลูกหนังอังกฤษจริงๆ ลองดูเกมที่พวกเขาโกงความตายก็ได้ว่ามีกี่ครั้งกี่หนกันกว่าจะทำมันได้สำเร็จ
เพราะฉะนั้นเราคงยังปรบมือชื่นชมพวกเขา มากกว่าที่จะแสดงความคิดเห็นในเชิงดูถูกดูแคลนพวกเขา
นั่นคือความเป็นจริง ฤดูกาลนี้เรายอดเยี่ยมที่สุดด้วยผลงานน่าเกรงขาม แต่ไม่ได้หมายความว่าทีมอื่นๆ ที่เคยสร้างสิ่งที่ยอดเยี่ยมก่อนหน้านี้จะต้องถูกหยันเหยียด
วันนี้เวลาผ่านมาพอสมควรแล้ว ความรู้สึกต่างๆ เริ่มตกตะกอนทำให้เราอาจสงสัยว่าเราเคยเป็นแบบนั้นกันด้วยหรือ ก็อยากให้ย้อนกลับไปดูตอนที่แผลยังสดๆ ใหม่ๆ อีกครั้งครับว่าช่วงนั้นบางคนอารมณ์เตลิดกันไปขนาดไหน
ได้พ่ายแพ้ขึ้นมาบ้างก็เป็นโอกาสอันดีนะครับที่ทำให้เราหันกลับมามองความเป็นจริงอีกครั้ง ยิ่งมีช่วงพักเบรกยาวๆ จากไวรัสเขย่าโลกก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่เพราะทีมก็ได้หยุดพักหายใจด้วย
มันไม่ได้มีเพียงเราเท่านั้นที่ยอดเยี่ยม หากทีมอื่นๆ ก็มีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน
ที่ผมพูดแบบนี้เพราะหลายครั้งที่ผมเห็นการแสดงทรรศนะของแฟนบอลบางคนออกไปในแนวยกตัวเองข่มคนอื่น ราวกับว่าพวกเรานั้นเก่งที่สุด ยอดที่สุด ไม่เคยทำอะไรผิด หรือไม่เคยพลาดเลย
.jpg)
มีข้ออ้างทุกครั้งเวลาที่ผลการแข่งขันไม่เป็นไปดังใจ ทุกคนผิดหมดยกเว้นทีมของเรา
แอตเลติโก มาดริด นี่เห็นชัดเจน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ คิดหัวแทบระเบิดในการรับมือกับเรา ต้องวางแผนแยบยลงัดลูกหนักตุกติกเข้าสู้ก่อน ไม่เปิดหน้าแลกเพื่อลดความเสี่ยงทุกกรณี ส่วนเรื่องโดนเพรสซิ่งไม่กลัวเพราะเทคนิคทักษะของลูกทีมเอาตัวรอดได้
เล่นไปตามเกมที่วางเอาไว้ นิ่ง เยือกเย็น ห้ามลนลานเด็ดขาดซึ่งนักเตะของโชโล่ทำได้ แถมเขายังซ่อนตัวทีเด็ดไว้ปล่อยหมัดน็อกเขี่ยเราตกรอบได้สำเร็จอีกต่างหาก
แต่ซิเมโอเน่และนักเตะแอต.มาดริดไม่ได้รับเครดิตสักนิดในสายตาบางคน ทั้งๆ ที่พวกเขาคือทีมแรกในรอบกี่ปีไม่รู้ที่พิชิตหงส์แดงของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แบบไป-กลับ
เราควรจะดีใจที่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่เขี้ยวลากดินอย่างนี้มากกว่า ได้รู้ว่าเรายังมีปัญหาในการเจอทีมสไตล์แบบนี้และนี่คือตัวพ่อเลยของฟุตบอลทรงนี้
แพ้เพื่อพัฒนาตัวเองให้เก่งรอบด้านขึ้นไป เจอกันคราวหน้าเราจะดีกว่านี้ มองความพ่ายแพ้เป็นกีฬา มันก็ไม่เห็นยากอะไร
แฟนบอลบางคนไม่ยอมรับว่าแพ้ยังไม่พอ ยังดูถูกทีมตราหมีต่างๆ นานา สกปรก ขี้ขลาด ไม่กล้าแลก หรือกระทั่งโชคช่วยได้อาเดรียนพลาดทำให้เป็นจุดเปลี่ยนต่างหากพวกเอ็งถึงชนะ ไม่อย่างนั้นเละไปแล้ว
มันก็ใช่ แต่ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าลิเวอร์พูลเองก็มีหลายเกมที่โชคช่วยให้ชนะ ยืดสถิติชนะมากมายให้พวกเราได้ภูมิใจ
ตอนที่เราทำได้เราเก่ง แต่ตอนที่คนอื่นทำได้บ้างคนอื่นไม่เก่ง คนอื่นก็แค่โชคดี
แน่นอนครับคนเราคิดไม่เหมือนกันหรอก สำหรับผมการแพ้ทีมตราหมีตกรอบไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิด ยอมรับความพ่ายแพ้ทั้ง 2 นัดแต่โดยดี ยกนิ้วโป้งให้โชโล่และลูกทีม มันก็แค่เรายังดีไม่พอ

น่าจะเข้ารอบอยู่แล้วแต่จังหวะดันไม่เป็นใจ เสียดายเป็นบ้า แต่ก็ต้องแก้ตัวใหม่ กีฬามันก็แบบนี้ มีแพ้มีชนะ มีแพ้แบบควรแพ้ มีแพ้แบบไม่น่าแพ้ มีชนะแบบควรชนะ มีชนะแบบไม่น่าชนะ
มุมมองผมเป็นอย่างนี้ มันก็มีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่าง หรือเห็นด้วย 3 ส่วน เห็นต่าง 7 ส่วน หรือเห็นด้วย 6 ส่วน เห็นต่าง 4 ส่วน มันก็แล้วแต่คน
ผมเข้าใจความรู้สึกรักทีมนะครับ แต่เราสามารถยิ่งใหญ่ได้โดยยอมรับความยอดเยี่ยมของผู้อื่นเช่นกัน
เราจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริงถ้าชนะพวกเขาได้ทั้งในสนามและนอกสนาม ซึ่งชัยชนะนอกสนามนั้นย่อมได้มาจากทัศนคติอันเป็นบวกของเรา
แฟนบอลมีร้อยพ่อพันแม่ สโมสรอื่นก็เหมือนกัน ทุกๆ ที่ย่อมมีกลุ่มคนที่เป็นปัญหา สร้างปัญหา หรือแนวคิดก่อปัญหา นั่นคือเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันจะดีมากถ้าเราเดอะค็อปส่วนใหญ่วางตัวในบทบาทกองเชียร์ที่ดี
เป็นผู้ชนะในเกมไม่พอ ยังเป็นผู้ชนะนอกเกมด้วย
ในความปราชัยต่อวัตฟอร์ดซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลหมดลุ้นทำสถิติหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไร้พ่าย การไม่แพ้ติดต่อกัน 49 นัดของอาร์เซน่อล ชนะติดต่อกัน 18 เกมของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผมสังเกตเห็นมุมมองที่ดีจากเดอะค็อปจำนวนมาก
ไม่มีใครยกเรื่องอื่นใดมาเป็นข้ออ้าง แน่นอนว่าบางทีอาจเป็นเพราะเกมนั้นเราแพ้อย่างไร้ข้ออ้างจริงๆ แพ้แบบสมควรแพ้ แต่การแสดงออกซึ่งทรรศนะหลังเกมนั้นเดอะค็อปจำนวนมากทำได้อย่างน่าประทับใจ
ยอมรับความพ่ายแพ้และชื่นชมผู้ชนะ ให้กำลังใจทีมต่อไป

ผมอยากเห็นการแสดงความคิดเห็นแบบนี้บ่อยๆ ติเพื่อก่อไม่ด่าหยาบคายสาดเสียเทเสีย ยินดีกับชัยชนะของฝ่ายตรงข้าม และปรบมือให้กำลังใจนักเตะของเรา ไม่โทษกัน ไม่โยนความผิดให้ใคร
เพราะลิเวอร์พูลคือทีม ทีมย่อมไม่แยกจากกัน ไปด้วยกัน ลุยด้วยกัน ชนะด้วยกัน แพ้ด้วยกัน ซึ่งไม่ได้หมายความเพียงแค่นักเตะในสนามหรือสตาฟฟ์โค้ชข้างสนามเท่านั้นหากยังรวมถึงแฟนบอลอย่างเราๆ ด้วย
ที่โลกลูกหนังวุ่นวายและเผ็ดร้อนทุกวันนี้ก็เพราะเรานำเอาความภูมิใจเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกัน แล้วตัดสินกันเองว่าใครน่าภูมิใจกว่า
ทีมข้าทำได้เจ๋งกว่าทีมเอ็งอีก.. ทีมเอ็งน่ะเหรอเจ๋ง ไม่ได้ครึ่งของทีมข้าหรอกว่ะ จากที่หยอกกันไปหยอกกันมาก็เลยเถิดกลายเป็นเถียงกันหน้าดำหน้าแดง แล้วก็ทะเลาะกัน ไม่มองหน้ากัน
ทำไมถึงต้องเอาชนะกันด้วยเรื่องที่น่าชื่นชมอย่างนี้ มันจำเป็นต้องเปรียบเทียบจริงจังกันขนาดนั้นเลยหรือสำหรับคำถามจำพวกไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน
แฟนบอลลิเวอร์พูลบางคนบอกว่าสถิติไร้พ่ายของอาร์เซน่อลมีเสมอตั้ง 12 นัดไม่เห็นจะน่าโอ้อวดตรงไหน พวกข้าแพ้แล้วก็จริงแต่เตะ 29 ชนะ 27 เสมอ 1 แกทำได้หรือเปล่า
เดอะกันเนอร์สได้ยินก็คงขำก๊าก นี่แยกไม่ออกจริงๆ เหรอระหว่างสถิติไร้พ่ายกับสถิติชนะมากที่สุด สถิติชนะเยอะๆ น่ะเอ็งจะทำก็ทำไป ถ้าทำได้ข้าก็ยินดีด้วย แต่อย่าพยายามดิสเครดิตสถิติข้าเลยมันจั๊กจี้
ย้ำว่าแฟนบอลลักษณะนี้ก็มีมันทุกทีมนั่นแหละครับ ไม่ได้มีเฉพาะทีมใดทีมหนึ่งหรอก และก็ไม่ใช่พวกเขามีปัญหาอะไรด้วย มันเป็นบุคลิกของเขา เป็นลักษณะนิสัยในการเชียร์ของเขา
.jpg)
มันคงเปลี่ยนกันไม่ได้หรอกอันนี้เข้าใจ จะให้ผมเปลี่ยนไปเชียร์ทีมรักแบบนั้นก็คงไม่ได้เหมือนกัน นิสัยใจคอแต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
ถือเสียว่าเป็นการแชร์ทรรศนะกันก็แล้วกันนะครับในช่วงที่ฟุตบอลหยุดพักยาวๆ พอดี ผมมีมุมมองแบบนี้
หลังจากที่เราชื่นชมเจ้าของสถิติเก่าทั้งอาร์เซน่อลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้ว เราก็สามารถมองตัวเองได้เต็มตา ยิ้มแย้มให้กับทีมรักอย่างเต็มใจ ด้วยความภาคภูมิ
ลิเวอร์พูลยังอยู่บนเส้นทางทุบสถิติอีกมาก ไม่รวมถึงภารกิจที่สำคัญที่สุดคือการจบการรอคอย 30 ปีอันยาวนาน
การกอบโกยคะแนนอย่างหิวกระหายแบบนี้ ลีกใหญ่ๆ ในโลกลูกหนังไม่เคยเห็นมาก่อน ลิเวอร์พูลคือทีมแรกที่ทำได้
น่าภูมิใจจะตายไปนะครับ รอโควิด-19 สิ้นฤทธิ์ก่อนเถอะ แล้วเราจะกลับมาอาละวาดปิดจ๊อบ
ยินดีกับทีมของเราให้เต็มที่ และให้เกียรติทีมอื่นที่เคยผ่านช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์
เราคงยิ่งใหญ่อยู่ทีมเดียวไม่ได้หรอกนะครับ สังคมฟุตบอลมันต้องผลัดกันขึ้นมาสร้างความยิ่งใหญ่
ต่างคนต่างสร้างสรรค์ ต่างฝ่ายต่างทำผลงาน ช่วยกันจรรโลงวงการฟุตบอลให้เก่งกล้า
ได้ทั้งความสำเร็จส่วนตัว มีทั้งเกียรติยศส่วนรวม เติบโตไปด้วยกัน เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนกว่าเยอะ
คลิกเลย >>> ข่าวฟุตบอล
คลิกเลย >>> https://www.physiciansbillinggroup.com/